3 สมุนไพรรักษาเส้นเลือดตีบ ล้างไขมันในหลอดเลือดได้จริงหรือ 

บทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการใช้สมุนไพรล้างไขมัน ตามกระแสที่มีการแชร์ต่อกันมากจนกลายเป็นข่าว ในเรื่องของสมุนไพรรักษาหลอดเลือดตีบ โดยเราได้หาข้อมูลจาก นพ.ภาสกิจ วัณนาวิบูล ซึ่งเป็นศาสตราจารย์คลินิกแพทย์จีน เพื่อหาคำตอบกับประเด็นที่ว่า การนำสมุนไพร 3 ชนิด อันได้แก่ ขิงสด พุทราจีนแห้ง เห็ดหูหนูดำ อย่างละ 1 ส่วน ต้มกับน้ำ 2 ½ ลิตร หรือตุ๋นประมาณ 2-4 ชั่วโมง ต่อน้ำ 1 ลิตร ดื่มกินต่างน้ำขณะท้องว่าง เวลาเช้า-เย็น ช่วยล้างไขมันในเลือดได้ ซึ่งเป็นสูตรที่แนะนำต่อ ๆ กันมา โดยเฉพาะในหมู่คนไต้หวัน ได้ผลจริงหรือปลอมกันแน่ โดย นพ.พาสกิจ วัณนาวิบูลได้แยกวิเคราะห์คุณประโยชน์และสรรพคุณสมุนไพร 3 ชนิด ดังกล่าว ดังนี้ 

hot ginger tea on table

1. ขิง – ยาร้อน 

ขิงสดเป็นพืชให้ฤทธิ์อุ่น มีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับเหงื่อ ขับความเย็น ขับลม อุ่นกระเพาะอาหาร แก้อาการวิงเวียน มึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ช่วยกำจัดพิษจากสารบางชนิดในอาหาร อย่าง อาหารทะเล หรือพิษจากเห็ดได้ และช่วยลดไขมันในเลือด อีกทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เนื่องจาก ขิง มีสาร “จิงเจอรอล” (Gigerol) มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นหัวใจ ขยายหลอดเลือดแดง ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก ความเผ็ดร้อนของขิงช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย เลือดสูบฉีดได้ดี ส่งผลให้รูขุมขนเปิดออก เพื่อระบายความเย็นในร่างกาย และขับพิษออกทางผิวหนัง นอกจากนี้ ขิง ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยเยื่อบุอาหาร กระตุ้นการย่อยและการดูดซึมของกระเพาะอาหาร ให้กระเพาะอาหารบีบตัวอย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยแก้อาการอาเจียนได้ดี 

Jujube

2. พุทราจีนแห้ง – ยาเย็น 

คนจีนถือว่า พุทราจีน คือ ราชาผลไม้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินธรรมชาติ ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และกรดอะมิโนกว่า 18 ชนิด เพิ่มภูมิต้านทานโรค บำรุงสมองและประสาท ลดการอุดตันของเส้นเลือด ลดความดันโลหิต บำรุงเลือด บำรุงไต บำรุงตับ รักษาอาการอ่อนเพลีย เสริมหยาง ช่วยให้นอนหลับ และช่วยสงบอารมณ์ นอกจากนี้ในคัมภีร์ยาจีนระบุว่า พุทราจีนมีส่วนประกอบของธาตุเหล็กและแลเซียม ช่วยป้องกันความเสื่อมชรา เหมาะอย่างยิ่งกับผู้มีภาวะเลือดจาง โดยเฉพาะเพศหญิง เพราะเมื่อสุขภาพเลือดดี จะทำให้ใบหน้ามีเลือดฝาด ดูมีสุขภาพดี ไม่หมองคล้ำ และแลดูอ่อนเยาว์ 

นอกจากนี้ในคัมภีร์ยังระบุอีกว่า กินพุทราจีนร่วมกับ ธัญพืชทั้ง 5 เสมือนได้กินยาอายุวัฒนะ มีสรรพคุณดีต่อร่างกายมากกว่าเห็ดหลินจือ โดยกินพุทราจีนวันละ 3 เม็ด จะช่วยป้องกันความเสื่อมชราของร่างกาย แลดูอ่อนกว่าวัย และด้วยสรรพคุณช่วยให้นอนหลับดีและบำรุงเลือด จึงมักถูกนำไปประกอบในการใช้เป็นยารักษาโรคทางจิตเวช หรือ กลุ่มโรคทางประสาท  เช่น ฮีททีเรีย (Hysteria) และยังถูกนำไปใช้เป็นตัวยาดูแลตับในผู้ป่วยตับแข็งระยะแรก และผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรัง และที่สำคัญ พุทราจีนยังใช้ในการลดพิษของสมุนไพรตัวอื่น ๆ  จึงเป็นอีกเหตุผลที่ส่วนประกอบของยาสมุนไพรหลาย ๆ ตัว มักจะมีพุทราจีนอยู่ด้วย 

3. เห็ดหูหนูดำ – ยาสุขุม 

เห็ดหูหนูดำ มีฤทธิ์ค่อนไปทางเย็น มีรสหวาน ทานง่าย จัดว่าเป็นพืชประเภทเชื้อราชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง บำรุงปอด บำรุงพลัง กระตุ้นการไหลเวียนเลือด มีส่วนช่วยในการฟอกเลือด ลดความดันโลหิตสูง ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง จึงลดภาวะเส้นเลือดแข็งตัว ทำให้ส่งผลดีต่อผู้มีภาวะไขมันในเลือดสูง 

เห็ดหูหนูดำได้รับฉายาว่า “อาหารแอสไพริน” ช่วยต้านการเกาะตัวของเลือด ซึ่งเป็นสาเหตทำให้หลอดเลือดเปราะและแตกง่าย และมีรายงานว่าคนยุโรปจำนวนมากที่นิยมใช้เห็ดหูหนูดำแทนยาแอสไพริน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ได้มีข้อระวังในการกินเห็ดหูหนูดำเช่นกัน เนื่องจากเห็ดหูหนูเกิดจากมาจากไม้ จึงมีสารบางชนิดที่มีผลต่อการทำงานของไต และอาจทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงได้ด้วย 

เมื่อสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดออกฤทธิ์พร้อมกัน ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน กลูคากอน (Glucagon) เพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะน้ำตาลในเส้นเลือดต่ำ ขยายหลอดเลือด สลายการอุดตัน เลือดไม่อุดตัน ทำให้หลอดเลือดสะอาด ไม่มีไขมันอุดตัน 

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพร 

  • ขิง ควรเพิ่มการระวังในการกินขิงในผู้ป่วยที่ต้องกินยาละลายลิ่มเลือด เพราะขิงมีฤทธิ์ที่อาจไปกระตุ้นยาละลายลิ่มเลือดและสำหรับผู้ที่ขี้หนาว มีกระเพาะอาหารเย็น ควรเพิ่มปริมาณขิง พุทราจีนให้มากขึ้น แต่ลดปริมาณเห็ดหูหนูดำลง ในสูตรการทำน้ำสมุนไพรดื่ม 
  • เห็ดหูหนูดำ ห้ามกินร่วมกับ หอยขม และสำหรับสตรีมีครรภ์ สตรีมีประจำเดือน คนที่เลือดออกง่าย ผู้ที่ระบบย่อยไม่ดี กระเพาะอาหารเย็น จะต้องระมัดระวังในการกินเห็ดหูหนูดำ และไม่ควรกินในปริมาณมาก และเห็ดหูหนูดำจะต้องทำให้สุก สารสำคัญในเห็ดหนูดำจึงจะละลายออกมา ให้ร่างกายดูดซึมได้ 

สมุนไพรสูตรนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องของทำความสะอาดหลอดเลือดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และสามารถนำไปใช้ในการรักษาฝ้าบนใบหน้า หรือผู้ที่มีขอบตาดำได้ง่าย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรทุกชนิด ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจให้ดี โดยเฉพาะผู้ป่วยหรือมีโรคประจำตัว ควรใช้สมุนไพรภายใต้การดูแลและการให้คำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่ควรหาซื้อมาทานเองโดยไม่มีความรู้ เพราะแทนที่จะได้ประโยชน์ของสมุนไพร อาจได้รับโทษต่อร่างกายอย่างไม่คาดคิด 

Previous Post
Next Post