รู้หรือไม่ อาหารที่เรากิน อาจมีสารฆ่าแมลงออร์กาโนฟอสเฟต อันตรายถึงตาย!!

ระวัง!! อาหารที่เราซื้อมาทานกันอยู่ทุกวันนี้ มักจะมีสารฆ่าแมลงที่เป็นอันตรายจนเสียชีวิตได้ ซึ่งสารเคมีที่นิยมใช้ในทางการเกษตรขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต 

สารออร์กาโนฟอสเฟตคืออะไร 

สารออร์กาโนฟอสเฟต ภาษาอังกฤษ คือ Organophosphate เป็นสารเอสเทอร์ (Eater) ของกรดฟอสฟอริค (Phosphoric acid) เป็นกลุ่มสารฆ่าแมลงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายของภาคเกษตรกรรมในปัจจุบัน สามารถพบกลุ่มสารเหล่านี้ตกค้างในพืชผัก ผลไม้ จากการที่เกษตรกรใช้สารกำจัดแมลงและศัตรูพืช และสารกลุ่มนี้ถูกจัดให้เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของปัญหาสุขภาพจากการได้รับสารพิษ และมีอัตราการเสียชีวิตสูง 

Organophosphate มีอะไรบ้าง 

สารเคมีกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต ได้แก่ โมโนโครโตรฟอส (Monocrotophos) ไดเมทโธเอต (Dimethoate) ไดโครโตรฟอส (Dicrotophos) พาราไธออน – เมธิล (Parathion – methyl) และ พาราไธออน (Parathion)

และ ไดคลอร์วอส หรือดีดีวีพี (Dichlorvos / DDVP) มาลาไทออน (malathion) เทเมฟอส (Temephos) คลอร์ไพริฟอส (Chlorpyriphos) ไดอะซินอน (Diazinon) ที่มักใช้การเกษตร แต่กลับพบได้ในอาหารที่วางขายอยู่ในตลาด เพราะมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายใช้ฉีดพ่นอาหารสด เช่น ปลาสด ปลาร้า หรืออาหารแห้งอย่าง ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้ง ฯลฯ เพื่อกันแมลงตอม  

เรารับสารออร์กาโนฟอสเฟตจากช่องทางใดบ้าง 

มุนุษย์และสัตว์มีกระดูกสันหลังสามารถรับสารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตจากการกิน สูดหายใจ และซึมเข้าสู่ผิวหนัง 

สารกลุ่มออร์การ์โนฟอสเฟตอันตรายอย่างไร 

เมื่อได้รับสารกลุ่มเหล่านี้ ความเป็นพิษจะขึ้นอยู่กับอัตราการเปลี่ยนแปลงสารพิษในร่างกาย โดยวิธีไฮโดรไลซิสในตับ ซึ่งจะมีทั้งอาการที่แสดงออกฉับพลันหลังได้รับสารพิษ หรืออาจแสดงอาการหลังจากได้รับสารเข้าไปแล้วหลายวันด้วยกัน โดยอาการเมื่อได้รับสารยาฆ่าแมลงกลุ่ม Organophosphate มีดังนี้

กรณีที่ได้รับพิษไม่รุนแรง

  • อ่อนเพลีย 
  • ปวดศีรษะ 
  • ตาพร่า 
  • คลื่นไส้ อาเจียน 
  • มีเหงื่อและน้ำลายออกมาก 
  • ปวดท้อง 
  • ท้องเสีย 

สำหรับผู้ที่ได้รับพิษไม่รุนแรง จะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-3 วัน แต่จะยังคงมีอาการอ่อนเพลียประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น 

กรณีได้รับพิษปานกลาง 

ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนกับพิษไม่รุนแรง แต่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ 

  • เสียการทรงตัว
  • เดินเซ 
  • อ่อนเพลีย
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง 
  • แขน-ขาไม่มีแรง แน่นหน้าอก
  • รูม่านตาหรี่

กรณีได้รับพิษรุนแรง 

  • รูม่านตาหรี่มากขึ้น 
  • ซึม มึนงง
  • กล้ามเนื้อกระตุก 
  • น้ำมูกไหลมาก 
  • หมดสติ
  • หลอดลมตีบตัน
  • กล้ามเนื้อหัวใจเป็นอัมพาต
  • หายใจขัด
  • ระบบหายใจล้มเหลว 

ทำอย่างไรเมื่อได้รับสารออร์กาโนฟอสเฟต 

การปฐมพยาบาลเป็นสิ่งแรกที่จะต้องทำทันทีเมื่อได้รับสารหรือมีการสัมผัสสารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต 

กรณีสัมผัสถูกผิวหนัง 

  • ถอดเสื้อผ่าที่ถูกสารเคมีออกทันที 
  • ล้างบริเวณผิวหนังและเส้นผม หรืออาบน้ำ สระผมทันทีหลังจากมีการสัมผัส หรือเมื่อใช้สารฆ่าแมลง โดยอย่าขัดถูรุนแรง เพราะจะยิ่งทำให้สารถูกดูดซึมมากขึ้น 
  • หลีกเลี่ยงการใช้ขี้ผึ้งหรือครีมใด ๆ ยกเว้นได้รับการแนะนำจากแพทย์ 
  • ทิ้งเสื้อผ้าที่ถูกสารเคมีทันที โดยนำใส่ถุงพลาสติกแล้วห่อให้มิดชิด จากนั้นแยกทิ้งลงถังขยะอันตราย หรือนำไปแยกซักจากเสื้อผ้าทั่วไป 

กรณีเข้าตา 

หากสารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตเข้าตา สารที่จะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว จึงต้องรีบปฏิบัติดังนี้

  • รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาด โดยให้น้ำไหลผ่านตาอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการล้างแบบให้น้ำเข้าตาโดยตรง 
  • หากสารเข้าตาเพียงข้างเดียว ขณะทำการล้างตา จะต้องระวังไม่ให้น้ำที่ล้างตาไหลไปโดนตาอีกข้าง
  • ห้ามใช้สารเคมีหรือยาใด ๆ ยกเว้นได้รับคำแนะนำจากแพทย์ 
  • ปิดตาด้วยผ้าสะอาด แล้วรีบไปพบแพทย์ทันที 

กรณีสูดดม

  • รีบนำตัวผู้ป่วยไปยังบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท 
  • ให้ผู้ป่วยนอนลงและคลายเสื้อผ้าผู้ป่วยให้หลวม 
  • จับให้ผู้ป่วยเงยหน้าเพื่อให้หายใจได้สะดวก
  • หากผู้ป่วยมีอาการชัก ให้สังเกตการหายใจของผู้ป่วย และระวังศีรษะผู้ป่วยอาจชนกับสิ่งใดขณะชักได้ 
  • หากพบว่าผู้ป่วยหยุดหายใจ หรือหายใจผิดปกติ ให้รีบทำการช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยการทำ CPR  

กรณีเข้าปาก

  • หากได้รับสารพิษเข้าปากแต่ไม่ทันได้กลืน ให้รีบบ้วนและล้างปากด้วยน้ำให้มากที่สุด แล้วดื่มนมหรือน้ำในปริมาณมาก ๆ 
  • หากมีการกลืนสารฆ่าแมลงเข้าไป ก่อนจะทำการอาเจียนสารพิษ จะต้องรีบอ่านฉลากบนบรรจุภัณฑ์ก่อน เพราะสารบางชนิดอาจเกิดอันตรายได้หากทำให้อาเจียน 

ห้ามทำให้อาเจียนในกรณีใดบ้าง 

  • ผู้ป่วยหมดสติ หรือผู้ป่วยมีอาการชัก 
  • สารที่กลืนกินเข้าไปเป็นสารกัดกร่อน เช่น กรด หรือ ด่าง เพราะการทำให้อาเจียนจะย่ิงทำให้สารย้อนกลับขึ้น แล้วไปทำลายเนื้อเยื่อที่คอและปาก และอาจทำให้สำลักสารเข้าสู่ปอด จนไปทำลายเนื้อเยื่อปอดได้ 
  • สารที่กลืนกินเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Emulsifiable concentrates (EC) หรือ Oil miscible Liquids (OL) เพราะมีส่วนผสมของตัวทำละลายประเภทปิโตเลียม ซึ่งการทำให้อาเจียน อาจทำให้สำลักสารเข้าสู่ปอดและตายได้  

วิธีการรักษา

สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษออร์กาโนฟอสเฟต จะใช้วิธีการรักษาแบบประคับประคอง เนื่องกาจภาวะการหายใจล้มเหลว เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิต และยังพบได้บ่อยที่สุดในภาวะพิษจากออร์กาโนฟอสฟอรัส การรักษาแบบประคับประคอง โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยจะต้องให้ออกซิเจนกับผู้ป่วย ดูดเสมหะ ใส่ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal tube) รวมไปถึงการให้สารน้ำตั้งแต่เริ่มมีอาการ 

Previous Post
Next Post