วัฒนธรรมคนไทยให้ความสำคัญกับการกตัญญูต่อพ่อแม่ เพราะกว่าที่เราทุกคนจะเติบโตขึ้นมา ล้วนมาจากความเหนื่อยยาก อดทน และต่อสู้ของพ่อแม่ที่เฝ้าเลี้ยงดู หาข้าวหาน้ำให้กินอิ่ม มีที่นอน ที่อยู่อาศัย มีผ้านุ่งห่ม และค่าเล่าเรียน ซึ่งคนเป็นลูกอาจไม่เคยได้รับรู้ถึงความยากลำบากของพ่อแม่เลยว่าต้องแลกด้วยอะไรบ้าง ดังนั้น ผู้ที่เป็นลูก จึงควรมีความกตัญญูรู้คุณ รู้สำนึกในความรัก ความเมตตาของพ่อแม่ และตอบแทนในสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพราะลูกคือสิ่งที่เป็นกำลังใจและความภาคภูมิใจของพ่อแม่ แต่ในขณะเดียวกัน การกระทำและคำพูดของลูกก็ทำร้ายพ่อแม่ได้มากที่สุด ลูก ๆ รู้ไหมว่า คำพูดหรือประโยคใดบ้าง ที่ไม่ควรพูดกับพ่อแม่
ลูกที่ดีไม่ควรพูด 5 ประโยคต่อไปนี้
1. ต่อว่าพ่อแม่ว่าไร้ความสามารถ
สังคมปัจจุบัน เรามักจะคนรุ่นหลัง ๆ เก่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ที่เราก็มักจะเห็นคนรุ่นใหม่มักจะโทษพ่อแม่ เมื่อพวกเขาไม่สามารถปรับตัวเข้ากับยุคที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ทันที อาจมีอาการเงอะ ๆ งะ ๆ ทำอะไรผิด ๆ ถูก ๆ เมื่อต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์ใหม่ ๆ โดยที่ลูก ๆ ลืมไปว่า ตนและพ่อแม่เติบโตมาในยุคสมัยที่ต่างกัน และไม่ได้คิดว่า ในโลกนี้ไม่มีใครเก่งไปเสียทุกอย่าง และไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ซึ่งกว่าที่พ่อแม่จะเลี้ยงลูกหนึ่งคนให้เติบโตมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แต่สามารถส่งเสริมให้ลูกเจริญเติบโต ได้เรียน ได้ทำงาน ได้มีสังคม นั่นคือความสามารถของพวกเขา ที่ได้ทุ่มสุดกำลังกายและกำลังใจ และอาจต้องแลกโอกาสดีอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อลูก โดยที่ลูกไม่เคยได้รู้ ดังนั้น อย่าได้ต่อว่าพ่อแม่ไร้ความสามารถ อย่าได้ดูถูกพ่อแม่ตนว่าสู้พ่อแม่คนอื่นไม่ได้ เพราะคำพูดเหล่านี้ นอกจากจะทำให้ร้ายจิตใจพ่อแม่ ยังเป็นตราบาปที่ติดตัวไปตลอดชีวิต และเมื่อไรที่คิดได้ในวันที่พวกท่านจากไป ต่อให้เสียใจแค่ไหน ก็ไม่สามารถแก้ไขคำพูดเหล่านี้ออกไปได้
2. ต่อว่าพ่อแม่แก่ชักช้า
คนเราทุกคนเมื่อวัยหนุ่มสาวย่อมมีความว่องไว แต่เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น เข้าสู่วัยชรา การตอบสนองของร่างกายย่อมเชื่องช้า ไม่กระฉับกระเฉง ว่องไวเหมือนแต่ก่อน ยิ่งคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่ทุ่มกายทุ่มใจเลี้ยงดูลูกมาตลอด หมดแรง หมดกำลังวังชา เพราะการเลี้ยงลูกใครว่าไม่เหนื่อย ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ ทำงานหาเงินเหนื่อยแทบขาดใจเพื่อหาเงินมาซื้อสิ่งจำเป็น และสิ่งที่ลูกต้องการ แล้วยังต้องมาคอยเฝ้าเลี้ยง เฝ้าถนอน แม้จะทำงานมาเหนื่อยแค่ไหน ก็ไม่มีวันได้พัก กว่าที่ลูกจะป้อนข้าวเองได้แต่ละคำ กว่าที่ลูกจะก้าวเดินได้แต่ละก้าว กว่าที่ลูกจะอ่านหนังสือออกแต่ละคำ พ่อแม่ต้องสอนซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ ในสิ่งเดิม ๆ เพื่อให้ลูกจำให้ลูกทำเป็น ซึ่งลูกเองก็เคยเชื่องช้ามาก่อน ดังนั้น เมื่อท่านเข้าสู่วัยชรา แรงกำลังย่อมหายไปตามความเสื่อมสภาพของร่างกาย อย่าได้โมโห อย่าได้กล่าวโทษ อย่าได้ต่อว่า เมื่อท่านช้าไปบ้าง และอาการของพ่อแม่ในวันนี้ที่เราได้เห็น เราเองก็จะเป็นเหมือนพวกท่านในอนาคตเช่นกัน
3. ต่อว่าหรือเถียงเวลาพ่อแม่บ่น
ส่วนใหญ่ที่พ่อแม่บ่น เพราะต้องการเห็นลูกประสบความสำเร็จ อยากให้ลูกได้ดี เพราะไม่มีพ่อแม่คนไหนที่บ่นลูกเพราะอยากให้ตัวท่านเองสบาย แต่บ่นเพราะใส่ใจ เพราะรักและหวังดีกับลูก ไม่อยากให้ลูกติดนิสัยที่ไม่ดี อาจลำบากในอนาคตได้
4. ต่อว่าหรือกล่าวโทษเมื่อพ่อแม่ป่วยไข้
พ่อแม่ที่ต้องทำงาน หาเงินเลี้ยงลูกว่าเหนื่อยแล้ว แต่พอลูกเจ็บป่วยไข้ไม่สบาย พ่อแม่ยิ่งเหนื่อยทวีคูณ เพราะต้องรับผิดชอบการงาน และต้องคอยดูแลลูก ยอมหยุดทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพาลูกไปหาหมอ คอยเฝ้าพยาบาลจนกว่าลูกหาย พ่อแม่บางคนตอนเจ็บป่วยไม่ยอมไปหาหมอหรือแม้แต่ซื้อยากินรักษาตัวเอง เพื่อเก็บเงินไว้ให้ลูกได้ใช้จ่าย แต่พอลูกเจ็บป่วยไม่เคยคำนึงเรื่องเงิน แค่ขอให้ได้พาลูกถึงมือหมอ จ่ายเท่าไรก็ยอม แม้แต่ไปหาหยิบยืม ยอมติดหนี้สินเพื่อให้ได้เงินมาจ่ายค่ารักษาลูก แล้วเมื่อถึงคราวพวกท่านป่วยไข้ ไม่สบาย กลับกล่าวโทษ ไม่ว่าจะเป็นการต่อว่า พ่อแม่เป็นสาเหตุทำให้ตนไม่ได้ไปเที่ยว ไม่ได้นำเงินไปจ่ายอื่น ๆ เพราะต้องมาจ่ายค่ายาให้พ่อแม่ หรือบ่นรำคาญ และสารพัดคำบ่น เพราะเหตุพ่อแม่เจ็บป่วย ลูกที่ดีจะไม่คิดและไม่พูดคำใด ๆ แบบนี้ เพราะอย่าลืมว่า ที่เราสามารถเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะร่างชรา หน้าตาโทรม หนังมือเหี่ยว ๆ ของคนที่อยู่ตรงหน้า “พ่อแม่” ของเราเอง
5. โต้แย้งหรือกล่าวโทษเมื่อพ่อแม่แนะนำให้ทำสิ่งต่าง ๆ
พ่อแม่ย่อมเป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจ และปรารถนาดีต่อลูก จึงคอยแนะนำ พร่ำบ่น หรือจู้จี้ลูกตนเอง ไม่ว่าจะบ่นให้กลับบ้านเร็ว ๆ อย่าเที่ยวกลางคืน อย่าดื่มเหล้า ให้ห่มผ้าหนา ๆ ตอนนอน ให้อาบน้ำ แต่งตัว หรือเก็บกวาด ฯลฯ นั่นเป็นเพราะพวกท่านรักและหวังดีกับเรา อยากปลูกฝังสิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ตัวลูก เพื่อให้ลูกสามารถดูแลตัวเองได้ในยามที่พวกท่านไม่อยู่ดูแลได้อีกแล้ว และด้วยที่พ่อแม่เกิดมาก่อน จึงพบเจอและมีประสบการณ์มาก่อน จึงต้องการแนะนำ ตักเตือน ในสิ่งที่พวกท่านได้เห็นได้เรียนรู้มาก่อน ลูกที่ดีไม่ควรตะคอกใส่ท่าน ไม่ว่าบางครั้งอาจจะรู้สึกรำคาญในสิ่งเดิม ๆ ที่เราอาจทำดีขึ้นแล้วก็ตาม ให้รับฟัง พิจารณา หากเป็นจริงที่ท่านว่าก็นำไปปรับปรุง หากไม่จริงที่ท่านว่า ก็ชี้แจงด้วยเหตุและผล เพราะการโต้เถียงหรือตะคอกใส่ท่าน นอกจากจะทำให้พวกท่านเสียใจ หากคุณมีลูก สิ่งที่คุณทำกับพ่อแม่ก็จะวนลูปกลับมา เพราะลูกก็จะทำเช่นเดียวกับคุณในอนาคต ดั่งคำพระท่านว่า “กรรมสนอง”