Health

ทำความรู้จัก ก๊าซแอมโมเนียอันตรายไหม พร้อมกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อสูดดมหรือสัมผัสแอมโมเนีย

ทำความรู้จัก ก๊าซแอมโมเนียอันตรายไหม พร้อมกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อสูดดมหรือสัมผัสแอมโมเนีย

จากเหตุการณ์ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลในโรงงานผลิตอาหารแช่แข็งส่งออกแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จนทำให้คนงานหลายร้อยคนมีอาการเวียนศีรษะ และหมดสตินับสิบคนจากการสูดดมแอมโมเนีย จนต้องอพยพผู้คนที่พักอาศัยละแวกใกล้เคียงโรงงานในช่วงดึก เนื่องจากสารแอมโมเสียลอยฟุ้งและกระจายไปทั่วโรงงานและบริเวณรอบ ๆ เกรงอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้คนในพื้นที่และใกล้เคียงได้   จากเหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนคงอยากรู้ว่าก๊าซแอมโมเนียคืออะไร หากเผลอไปสูดดมแอมโมเนียอันตรายไหม เราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายจากพิษของสารแอมโมเนีย  ก๊าซแอมโมเนียคืออะไร  แอมโมเนีย ภาษาอังกฤษเขียนว่า Ammonia คือ สารเคมีอันตรายชนิดหนึ่งตามรายชื่อกฏหมายกำหนด นิยมนำไปใช้กับกระบวนการผลิต และผลิตกันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีแอมโมเนียที่ผลิตในร่างกายมนุษย์ และพบได้ในตามแหล่งธรรมชาติที่เกิดขึ้นในดินจากกระบวนการของแบคทีเรีย ผลิตขึ้นในพืช สัตว์ และกระบวนการย่อยสลายจากของเน่าเสียเช่นกัน   แอมโมเนีย คุณสมบัติมีอะไรบ้าง  ก๊าซแอมโมเนียใช้ทำอะไร   แอมโมเนีย สูตรเคมี คือ NH3 เป็นสารพิษไร้สี แต่มีกลิ่นฉุนรุนแรง เป็นก๊าซที่เบากว่าอากาศ และมีจุดเดือดต่ำ จึงนิยมนำสารแอมโมเนียมาใช้เป็นก๊าซทำความเย็นทางอุตสาหกรรม แทนที่คอลโรฟลูออโรคาร์บอน โดยเฉพาะโรงงานทำน้ำแข็ง อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง และห้องเย็น นอกจากนี้ยังนำแอมโมเนียไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น สารเคมีทำความสะอาด,  การทำน้ำให้บริสุทธิ์ , ปุ๋ยทางการเกษตร ผลิตพลาสติก เคมีภัณฑ์ และส่วนประกอบสำคัญด้านเภสัชภัณฑ์  ก๊าซแอมโนเนีย ประโยชน์ โทษ…

ยาหยดเห็บ หมัด อันตรายไหม คนเลี้ยงสัตว์ต้องรู้! 

ใครที่มีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะ น้องหมา น้องแมว ทั้งหลาย จะมีปรสิตที่คอยรบกวนให้น่ารำคาญใจ และยังก่อให้เกิดโรคอันตรายกับสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรานั่นคือ “เห็บ” และ “หมัด” เจ้าของจึงมักจะเลือกใช้ยาหยดเห็บหมัด เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามเหล่านี้ออกไป ซึ่งยากำจัดเห็บหมัดที่จำหน่ายในปัจจุบันมีทั้งในรูปของยาหยดหลัง สเปรย์ ยาพ่น แชมพู และปลอกคอกันเห็บหมัด แต่ขณะเดียวกันส่วนประกอบในยาหยอดเห็บหมัดกว่าร้อยละ 90 เป็นสารเคมี ที่อาจมีผลข้างเคียงและเกิดโทษกับสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่ตัวเจ้าของด้วยเช่นกัน หากไม่รู้วิธีหยอดยาเห็บหมัดสุนัข หรือใช้หยอดยาเห็บหมัดแมวเกินขนาด วันนี้เราจะมาชวนเพื่อน ๆ ทำความรู้จักกับภัยของยากำจัดเห็บหมัดว่ามีสารพิษอะไรบ้าง และมีอาการอย่างไรเมื่อได้รับสารพิษ เพื่อจะได้นำไปสังเกตความผิดปกติของสัตว์เลี้ยงและช่วยชีวิตพวกเขาได้ทันท่วงที  1. ไอเวอร์เมกตินและอนุพันธ์  กลุ่มยากำจัดเห็บหมัดที่นิยมใช้กันมากที่สุดในไทย มีทั้งในรูปแบบยาแก้เห็บหมัดแบบกิน ป้ายปาก หยอดหลัง และฉีดเข้าใต้ผิวหนัง นอกจากใช้ในเรื่องของเห็บหมัดแล้ว ยังใช้เพื่อป้องกันพยาธิหนอนหัวใจได้ด้วย แต่มีข้อควรระวังการใช้ยากลุ่มนี้เช่นกัน โดยเฉพาะ ยาไอเวอร์เมกติน ห้ามใช้กับน้องหมาสายพันธุ์ที่ไวต่อพิษเด็ดขาด ได้แก่ ออสเตรเลียน เชพเพิร์ด (Australian Shepherd) เชตแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog) โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก (Old…

วิธีทำให้แมวฟื้นหลังจากหยุดหายใจ

วิธีทำให้แมวฟื้นหลังจากหยุดหายใจ

รู้หรือไม่ หลักการปั๊มหัวใจและการผายปอดช่วยชีวิตคน นำมาใช้ช่วยชีวิตแมวให้รอดตายได้เช่นกัน  สำหรับใครที่เป็นทาสแมวหรือเลี้ยงแมวเป็นสมาชิกอยู่ในบ้าน เมื่อเจอสถานการณ์น้องแมวไม่หายใจเพราะถูกไฟดูด แมวถูกรถชน หรือแมวตกน้ำแล้วหยุดหายใจ หากเราอยู่ลำพัง ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ให้ตั้งสติแล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้  1. ตรวจดูว่ามีอะไรคาหรือค้างอยู่ภายในช่องปาก และจมูกน้องแมวบ้าง เช่น เศษอาหาร ของเล่น น้ำมูก ฯลฯ หากพบว่ามี ให้นำออกให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้ไปอุดตัน หรือขัดขวางทางเดินหายใจ ซึ่งอาจใช้วิธียกขาหลังน้องเหมียวขึ้น โดยให้ห้อยหัวลงแล้วสั่นประมาณ 3-4 ครั้ง หรือจัดท่าให้แมวนอนตะแคงข้างบนพื้นราบ จากนั้นใช้คีบหนีบหรือเขี่ยสิ่งแปลกปลอมออกไป  2. จัดท่านอนน้องแมวให้นอนตะแคงโดยเอาด้านขวาลง แล้วดันหัวให้หงายไปด้านหลัง และใช้มือประคองจับปากแมวให้หุบอยู่ภายในอุ้งมือ 3. ใช้ผ้าสะอาดบาง ๆ ที่ลมสามารถพัดผ่านได้ คลุมบริเวณจมูกแมว  4. ทำการช่วยหายใจให้แมวด้วย “ปากต่อจมูก” (กรณีช่วยคน คือ ปากต่อปาก ) ด้วยการประกบปากลงบนผ้าที่คลุมจมูกน้องแมว แล้วเป่าลมหายใจสั้น ๆ เข้าไป ประมาณ 4-6 ครั้ง แต่สำหรับวิธีช่วยชีวิตลูกแมว ควรเป่าเบา ๆ เพราะปอดยังเล็ก…

3 สมุนไพรรักษาเส้นเลือดตีบ ล้างไขมันในหลอดเลือดได้จริงหรือ 

3 สมุนไพรรักษาเส้นเลือดตีบ ล้างไขมันในหลอดเลือดได้จริงหรือ 

บทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการใช้สมุนไพรล้างไขมัน ตามกระแสที่มีการแชร์ต่อกันมากจนกลายเป็นข่าว ในเรื่องของสมุนไพรรักษาหลอดเลือดตีบ โดยเราได้หาข้อมูลจาก นพ.ภาสกิจ วัณนาวิบูล ซึ่งเป็นศาสตราจารย์คลินิกแพทย์จีน เพื่อหาคำตอบกับประเด็นที่ว่า การนำสมุนไพร 3 ชนิด อันได้แก่ ขิงสด พุทราจีนแห้ง เห็ดหูหนูดำ อย่างละ 1 ส่วน ต้มกับน้ำ 2 ½ ลิตร หรือตุ๋นประมาณ 2-4 ชั่วโมง ต่อน้ำ 1 ลิตร ดื่มกินต่างน้ำขณะท้องว่าง เวลาเช้า-เย็น ช่วยล้างไขมันในเลือดได้ ซึ่งเป็นสูตรที่แนะนำต่อ ๆ กันมา โดยเฉพาะในหมู่คนไต้หวัน ได้ผลจริงหรือปลอมกันแน่ โดย นพ.พาสกิจ วัณนาวิบูลได้แยกวิเคราะห์คุณประโยชน์และสรรพคุณสมุนไพร 3 ชนิด ดังกล่าว ดังนี้  1. ขิง – ยาร้อน  ขิงสดเป็นพืชให้ฤทธิ์อุ่น มีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับเหงื่อ ขับความเย็น ขับลม อุ่นกระเพาะอาหาร แก้อาการวิงเวียน มึนศีรษะ…

รู้หรือไม่ อาหารที่เรากิน อาจมีสารฆ่าแมลงออร์กาโนฟอสเฟต อันตรายถึงตาย!!

รู้หรือไม่ อาหารที่เรากิน อาจมีสารฆ่าแมลงออร์กาโนฟอสเฟต อันตรายถึงตาย!!

ระวัง!! อาหารที่เราซื้อมาทานกันอยู่ทุกวันนี้ มักจะมีสารฆ่าแมลงที่เป็นอันตรายจนเสียชีวิตได้ ซึ่งสารเคมีที่นิยมใช้ในทางการเกษตรขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต  สารออร์กาโนฟอสเฟตคืออะไร  สารออร์กาโนฟอสเฟต ภาษาอังกฤษ คือ Organophosphate เป็นสารเอสเทอร์ (Eater) ของกรดฟอสฟอริค (Phosphoric acid) เป็นกลุ่มสารฆ่าแมลงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายของภาคเกษตรกรรมในปัจจุบัน สามารถพบกลุ่มสารเหล่านี้ตกค้างในพืชผัก ผลไม้ จากการที่เกษตรกรใช้สารกำจัดแมลงและศัตรูพืช และสารกลุ่มนี้ถูกจัดให้เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของปัญหาสุขภาพจากการได้รับสารพิษ และมีอัตราการเสียชีวิตสูง  Organophosphate มีอะไรบ้าง  สารเคมีกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต ได้แก่ โมโนโครโตรฟอส (Monocrotophos) ไดเมทโธเอต (Dimethoate) ไดโครโตรฟอส (Dicrotophos) พาราไธออน – เมธิล (Parathion – methyl) และ พาราไธออน (Parathion) และ ไดคลอร์วอส หรือดีดีวีพี (Dichlorvos / DDVP) มาลาไทออน (malathion) เทเมฟอส (Temephos) คลอร์ไพริฟอส (Chlorpyriphos) ไดอะซินอน…

ทำอย่างไรให้บ้านมีกลิ่นหอมตลอดวัน กับ 7 วิธีเพิ่มกลิ่นหอมให้บ้านง่าย ๆ  

ทำอย่างไรให้บ้านมีกลิ่นหอมตลอดวัน กับ 7 วิธีเพิ่มกลิ่นหอมให้บ้านง่าย ๆ  

7 วิธีเพิ่มกลิ่นหอมให้บ้าน | วันนี้เรามีวิธีทำอย่างไรให้ห้องนอนมีกลิ่นหอมสดชื่นจนอยากนอนขลุกอยู่แต่ในบ้านทั้งวัน ชาร์จพลังงานชีวิตอย่างเต็มที่

การนวดหัวใจ ผายปอดอย่างถูกวิธี ช่วยลดการสูญเสียที่คุณก็ทำได้

การนวดหัวใจ ผายปอดอย่างถูกวิธี ช่วยลดการสูญเสียที่คุณก็ทำได้

อุบัติภัยที่พบได้บ่อยมากที่สุดในช่วงหน้าฝน คงจะหนีไม่พ้น ถูกไฟช็อตไฟดูดจากกระแสไฟฟ้ารั่วลงน้ำที่ท่วมขัง หรือไฟช็อตจากการสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะตัวเปียกหรือยืนอยู่ในที่มีน้ำขัง เนื่องจากน้ำเป็นตัวสื่อนำไฟฟ้าได้อย่างดี ทำให้พบเจอผู้ประสบเหตุดังกล่าวจำนวนมาก ไม่แพ้กรณีอุบัตเหตุคนจมน้ำ แต่ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดที่เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต เราอาจช่วยลดการสูญเสียได้หากให้การช่วยเหลือได้ทันและอย่างถูกวิธี เราจึงนำวิธีการช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการจมน้ำ ถูกไฟดูดไฟช็อต สำลักควันไฟไหม้ หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่หมดสติ ลมหายใจอ่อน หัวใจหยุดเต้นกระทันหัน ฯลฯ ด้วยการผายปอดและการนวดกระตุ้นหัวใจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประสบเหตุมีโอกาสรอดชีวิตและลดความเสี่ยงต่อความพิการ  วิธีการผายปอดด้วยการให้ลมทางปาก  ให้ผู้บาดเจ็บนอนราบในพื้นที่เรียบ  จัดท่าที่เหมาะสมเพื่อเปิดทางให้อากาศเข้าสู่ปอด  ผู้ปฐมพยาบาลควรอยู่บริเวณศีรษะของผู้บาดเจ็บด้านซ้ายหรือขวามือก็ได้  ใช้มือดึงคางผู้บาดเจ็บมาด้านหน้า และใช้มืออีกข้างดันหน้าผากไปด้านหลัง เพื่อไม่ให้ลิ้นอุดกั้นทางเดินหายใจ และระวังไม่ให้นิ้วมือที่ดึงคางกดลึกลงเนื้อใต้คาง เพราะจะไปอุดกั้นทางเดินหายใจ (*กรณีเด็กแรกเกิดหรือเด็กเล็ก ไม่ควรแหงนคางและคอมากเกินไป เพราะอาจทำให้หลอดลมแฟบ และอุดกั้นทางเดินหายใจ*) สอดนิ้วหัวแม่มือเข้าในปากและอ้าปากของผู้บาดเจ็บ เพื่อล้วงและนำสิ่งของในปากที่อาจไปขวางทางเดินหายใจออกให้หมด เช่น เศษอาหาร ฟันปลอม เป็นต้น  ผู้ปฐมพยาบาลอ้าปากตนเองและสูดหายใจเข้าปอดให้เต็มที่ ใช้มือข้างหนึ่งบีบจมูกผู้บาดเจ็บให้แน่นสนิท และใช้มืออีกข้างดึงคางผู้ป่วยมาข้างหน้า  ประกบปิดปากผู้บาดเจ็บพร้อมเป่าลมเข้าไป ทำเป็นจังหวะ 12-15 ครั้ง / นาที  ขณะที่เป่าปาก ใช้สายตาเหลือบมองการเคลื่อนไหวของหน้าอกผู้บาดเจ็บ หากหน้าอกไม่มีการขยับขึ้น-ลง อาจเนื่องมาจากท่านอน หรือมีสิ่งกีดขวางทางเดินหายใจ ให้ลองสังเกตและหาสาเหตุเพิ่มเติม กรณีที่อ้าปากผู้บาดเจ็บไม่ได้ ให้เป่าลมเข้าทางจมูกแทน…

โรคที่มากับหน้าฝน วิธีป้องกันไม่ให้เจ็บป่วย 

โรคที่มากับหน้าฝน วิธีป้องกันไม่ให้เจ็บป่วย 

ฝนที่ตกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในช่วงนี้ ทำให้สภาพอากาศแปรปรวนเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเปียก เดี๋ยวชื้น ยิ่งเข้าช่วงฤดูฝนอย่างจริงจังด้วย ก็ยิ่งทำให้ส่งผลต่อสุขภาพ และสิ่งที่แแอบแฝงและแถมมาด้วย คือ โรคติดต่อหน้าฝน ที่อันตรายไม่น้อยเลย โรคที่มากับฝนที่ต้องระวังมีอะไรบ้าง  1. กลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร  กลุ่มโรคติดต่อทางน้ำและอาหาร ที่พบได้บ่อย คือ อาหารเป็นพิษ บิด อุจจาระร่วงเฉียบพลัน ตับอักเสบ เป็นต้น โดยสาเหตุเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีเชื้อจุลชีพปนเปื้อน ส่งผลให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหารและลำไส้  วิธีป้องกัน : ต้องระวังเรื่องการกินเป็นพิเศษ ไม่รับประทานอาหารดิบหรือกึ่งดิบ ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร ใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานร่วมกับผู้อื่น รับประทานอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น  2. กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ  โรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ อย่างปอดบวม ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ มักจะพบเจอกันมากในช่วงเข้าสู่ฤดูฝน เพราะสภาพอากาศเอื้อต่อเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ให้เติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งช่วงนี้มีเรื่องของโรคระบาดอื่นๆ เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โควิด-19  ยิ่งต้องระวังให้เป็นพิเศษ เพราะสามารถติดโรคต่อกันได้ง่ายมาก ด้วยละอองฝอยน้ำลายเพียงแค่ ไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ปนเปื้อนเชื้อ อย่าง น้ำมูก…